คำถามครับ
ชนชาติญี่ปุ่นค่อนข้างโดดเด่นมากในการนำทฤษฎีหรือความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันหรือสร้างความสนุกใหม่ๆ
มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโถส้วมอัจฉริยะ คาราโอเกะ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป วันนี้ผู้เขียนจึงอยากแชร์ความรู้เกี่ยวกับสมองของมนุษย์
กับสิ่งที่คนญี่ปุ่นเอามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและสร้างความสนุก ให้ฟังกัน
ก่อนจะเฉลยว่าเขาเอาความรู้เกี่ยวกับสมองมาทำอะไร
ผู้เขียนขอเกริ่นนำซักนิซซซ นึง
ท่านผู้อ่านคงทราบกันว่าสมองของคนเรานั้นแบ่งใหญ่ๆ เป็นสองซีก
ซีกซ้ายที่ควบคุมและทำหน้าที่เป็นเหมือนCPU ด้านการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล ความเป็นตรรกะ ภาษา การอธิบาย ดังนั้นคนที่คิดเลขเก่งๆ
เรียนวิทยาศาสตร์ดีๆ มักจะใช้สมองด้านซ้ายเยอะ
ส่วนสมองซีกขวา จะทำหน้าที่ควบคุมอวัยวะซีกซ้ายตั้งแต่คอลงไป
และยังมีหน้าที่ในการรับรู้และกะระยะ การดูและประมวลผล เป็นภาพสามมิติ
ความรู้สึกดื่มด่ำต่อศิลปะ สุนทรียะทางดนตรี ดังนั้นคนที่ติสต์เยอะๆ
เป็นฮิปสะเตอร์มักจะใช้สมองซีกขวาซักเยอะ
คราวนี้มาถึงเรื่องว่า แล้วคนญี่ปุ่นเอาความรู้นี้มาทำอะไร...
คนญี่ปุ่นเอาความรู้นี้มาเขียนหนังสือ การจีบสาว !! (แน่นอนจีบหนุ่มก็ได้) ผู้อ่านที่รักคงไม่อยากจะเชื่อว่ามันเกี่ยวอะไรกัน
(ฟะ) แต่จากการที่ผู้เขียนอ่านหนังสือจีบสาวญี่ปุ่นถึงสี่เล่ม... (ไม่ต้องถามว่าผลลัพธ์เป็นงัย
บอกก่อนผมไม่ได้อ่านเล่นๆนะครับ)
คำถามด้านบนเป็นความรู้มาตรฐานที่ทุกเล่มเขียนเวลาให้กินข้าวกับสาวหรือหนุ่มที่เราปิ๊ง
ต้องนั่งตำแหน่งไหน ยังงงใช่ไหมครับจะอธิบายให้งงเพิ่มดังนี้
เหตุผลคือเพราะสมองมนุษย์ซ๊กขวาจะทำหน้าที่ควบคุมการกะระยะหรือการรับรู้
อะไรที่เป็นภาพรอบๆ ตัวเป็นสามมิติ ดังนั้นร่างกายมนุษย์จะควบคุมอะไรทางซ้ายได้ดีกว่าทางขวา
หลักฐานที่ชัดเจนคือ ลู่วิ่งจะให้นักกีฬาเลี้ยวซ้ายเสมอ
เพราะมันทำให้คนวิ่งถนัดกว่า ในห้างซุปเปอร์มาร์เกตของญี่ปุ่นก็เช่นกัน
แทบจะร้อยเปอร์เซนต์จะพยายามเซตทางเดินให้คนเดินเลี้ยวซ้าย เพราะมนุษย์จะรู้สึกสบายใจกว่าเดินเลี้ยวขวา
(จะได้อยู่ในร้านเรานานๆ ) แต่ในสวนสนุกกลับจะสร้างให้รถไฟเหาะให้เลี้ยวขวาเยอะหน่อย
เพราะมันทำให้มนุษย์รู้สึกไม่ถนัด จะกังวลและกลัวกว่าเลี้ยวซ้าย ทำให้ผู้เล่นเสียวมากขึ้น
และนี่คือเหตุผลที่หนังสือจีบสาว(และหนุ่ม) ทุกเล่ม แนะนำให้เราควรนั่งตำแหน่ง C เพราะคนที่เราแอบชอบจะเห็นเราทางด้านซ้าย
ให้ความรู้สึกที่ปลอดภัยและจะมองได้ถนัดกว่าเมื่อเทียบอีกสามตำแหน่งที่เหลือ
จริงๆ แล้วหากใครได้มีโอกาสอ่านหนังสือแปลกๆ ของญี่ปุ่น ทฤษฎีนี้ถูกนำมาเขียนเป็น
know how ในกรณีอื่นๆ อีกหลายอย่างเช่นเวลาอธิบายงานกับหัวหน้า
ให้ยืนหรือนั่งฝั่งไหน เวลาเราวิ่งหนีใคร ควรเลี้ยวซ้ายหรือขวา
เวลาเช้าสายบ่ายกลางวัน ควรคิดเรื่องอะไร จะได้มีประสิทธิภาพ แต่เล่าแล้วเกรงจะยาววันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อนละกันครับ...
ท้ายสุด เชื่อว่าท่านผู้อ่าน พออ่านไปนานๆ แล้วอาจจะจำไม่ได้ว่า นั่งฝั่งไหนดีกันแน่
สมองซ้ายหรือขวาควบคุมอะไร ให้หลักจำง่ายๆ ดังนี้ครับ...
ให้นั่งหรือยืนข้างที่ใกล้หัวใจคนที่เราแอบชอบ